เชื่อว่าสาว ๆ จำนวนมากต้องเคยผ่านการดัด, ยืด, หรือย้อมสีผม ซึ่งล้วนเป็นการใช้สารเคมีกับเส้นผมทั้งนั้น ทำให้เกิดปัญหาผมแห้งเสีย, แตกปลาย และขาดหลุดร่วงตามมา เนื่องจากสารเคมีจะทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผมได้ ซึ่งนอกจากแชมพูและครีมนวดผมที่เราใช้อยู่ทุกวัน อาจบำรุงได้ไม่เพียงพอ เราจึงต้องหาตัวช่วยเพิ่มค่ะ
เพราะทีมงานมายเบสท์เป็นห่วงสุขภาพผมของสาว ๆ ทุกคน ในวันนี้เราจึงมาแนะนำไอเทมเด็ดที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาผมอย่าง “ทรีทเมนท์ผมชนิดไม่ต้องล้างออก” ที่บอกเลยว่าอยากให้สาว ๆ ทุกคนมีติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลวิธีการเลือก และประโยชน์ของทรีทเมนท์ผมอีกด้วย อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะ ว่าสภาพผมของเราเหมาะกับทรีทเมนท์ผมแบบไหน เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
ก่อนที่จะแนะนำส่วนอื่น ๆ เรามาดูกันก่อนเลยค่ะว่า ประโยชน์ของทรีทเมนท์ผมชนิดไม่ต้องล้างออก มีอะไรบ้าง
หลายคนอาจสงสัยว่าทรีทเมนท์ผมชนิดไม่ต้องล้างออก นอกจากมีข้อดีที่ใช้งานง่ายและสะดวกแล้ว ยังมีข้อดีแตกต่างกับทรีทเมนท์ผมปกติอย่างไร คำตอบคือ เมื่อทรีทเมนท์ผมไม่โดนล้างออก ก็จะสามารถช่วยปกป้องผมของเราจากความร้อนของอุปกรณ์ทำผมได้ เพราะตัวทรีทเมนท์จะเคลือบเส้นผมเราไว้ พร้อมกับบำรุงเส้นผมด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะแตกต่างกับทรีทเมนท์ผมปกติ ที่ต้องล้างออกและเน้นที่การบำรุงอย่างเดียว
สาว ๆ คนไหนที่คิดว่าเส้นผมของตัวเองไม่ได้ผ่านเคมีในการดัดหรือทำสีมา ก็อย่าชะล่าใจคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ทรีทเมนท์ก็ได้นะคะ เนื่องจากความร้อนของอุปกรณ์ทำผม ก็เป็นอีกหนึ่งตัวร้าย ที่ทำลายความชุ่มชื้นบนผมของเราได้เหมือนกัน โดยอาจจะใช้ทรีทเมนต์ผมชนิดไม่ต้องล้างออกร่วมกันกับแชมพูและครีมนวดผมที่ใช้อยู่ปกติก็ได้ เพื่อเพิ่มการบำรุงและการปกป้องผมจากความร้อนได้มากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของทรีทเมนท์ผมชนิดไม่ต้องล้างออก คือ ช่วยให้ผมชุ่มชื้นและดูเงางาม เนื่องจากเวลาที่เราชโลมลงเส้นผม น้ำยาทรีทเมนท์จะเคลือบผมไว้ ทำให้สารบำรุงเข้าซ่อมแซมเซลล์ผมได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้ผมดูเงางาม มีน้ำหนักตลอดทั้งวัน ที่สำคัญการที่มีสารบำรุงเคลือบไว้ ยังช่วยปกป้องเส้นผมจากมลภาวะและแสงแดดได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ทรีทเมนท์ผมชนิดไม่ต้องล้างออกบางประเภท ยังใช้จัดแต่งทรงผมให้อยู่ทรงได้อีกด้วย
ทรีทเมนท์ผมชนิดไม่ต้องล้างออก ในปัจจุบันมีหลากหลายแบบ เราไปดูกันเลยค่ะ ว่าชนิดไหนเหมาะสมกับสภาพผมและการใช้งานของเรา
ทรีทเมนท์ผมชนิดไม่ต้องล้างออก มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน, สเปรย์ หรือครีม ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและการใช้งานที่แตกต่างกัน
ทรีทเมนท์แบบน้ำมัน มีประสิทธิภาพในการปกป้องเส้นผมจากความร้อนและแสงแดดได้ดี เพราะนอกจากจะช่วยลดอาการผมแห้งและชี้ฟูได้แล้ว ยังช่วยลดการสูญเสียโปรตีนในเส้นผมอีกด้วย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ทำผมที่มีความร้อนอย่าง ไดร์เป่าผม, เครื่องหนีบหรือม้วนผม และผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้ง เจอแสงแดดเป็นประจำ แต่อย่างไรก็ตามน้ำมันใส่ผมบางชนิด อาจเกิดการออกซิไดซ์ได้ง่าย จึงต้องเลือกน้ำมันที่ยากต่อการออกซิไดซ์ เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันดอกคามิลเลีย (ดอกสึบากิ) และน้ำมันโจโจ้บาค่ะ
ทรีทเมนท์ประเภทครีม จะมีส่วนผสมของสารที่บำรุงและซ่อมแซมผมผสมอยู่มาก มีความเข้มข้นสูงและให้ความชุ่มชื้นได้ดี สามารถช่วยให้ผมแห้งชี้ฟู กลับมาเงางามและมีน้ำหนัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพผมแห้งและเสียหายมาก ส่วนทรีทเมนท์ประเภทเจล จะมีข้อดีในเรื่องความสามารถในการเคลือบเส้นผมได้เป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพอาจจะสู้แบบน้ำมันไม่ได้ในแง่ของการปกป้องเส้นผมจากความร้อน ดังนั้นแนะนำให้ใช้ประเภทน้ำมันก่อนการใช้อุปกรณ์ทำผม จากนั้นก็ใช้ประเภทครีมตามหลัง จะช่วยให้การบำรุงผมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ
ทรีทเมนท์ในรูปแบบของสเปรย์ คุณสมบัติคล้ายกับประเภทน้ำมัน แต่มีข้อดีตรงที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ส่วนผสมในการบำรุงผมถูกซึมเข้าสู่เส้นผมได้อย่างรวดเร็ว และยังเหมาะกับผู้ที่มีสภาพผมมันง่าย ทำให้ดูเงางามอย่างเป็นธรรมชาติไม่มันจนเกินไป นอกจากนี้การบรรจุในขวดสเปรย์ยังมีข้อดีที่ใช้งานได้สะดวกและรวดเร็ว เพียงแค่ฉีดเข้าเส้นผมให้ทั่ว ก็สามารถบำรุงผมให้สวยและลดอาการผมชี้ฟูได้แล้วค่ะ
นอกจากคุณสมบัติและการใช้งานของทรีทเมนท์แล้ว ก่อนการเลือกซื้อเราควรต้องคำนึกถึงสภาพผมของเราด้วยค่ะ ผู้ที่มีสภาพผมลีบแบน แนะนำให้ใช้ทรีทเมนท์ประเภทน้ำมากกว่าน้ำมันหรือครีม เนื่องจากประเภทน้ำจะไม่ทำให้ผมสูญเสียวอลลุ่ม และเนื้อทรีทเมนท์ที่หนักแบบน้ำมันและครีม อาจทำให้ผมดูลีบแบนมากกว่าเดิมได้ แต่ในทางกลับกันหากมีสภาพผมที่ชี้ฟู ทรีทเมนท์เนื้อหนักจะช่วยทำให้ผมดูตรงสุภาพดีขึ้นมาได้ค่ะ หรือถ้าหากผมของเราเป็นผมดัดหรือทำสี ก็อาจจะเลือกทรีทเมนท์สำหรับผมทำสีและผมดัดโดยเฉพาะ เพราะจะทำให้ลอนผมเด้งและสีคงอยู่ได้นานค่ะ
ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของ ซิลิโคน, ปิโตรเลี่ยม และพอลิเมอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้เส้นผมเงางาม และนุ่มลื่น แต่อย่างไรก็ตามหากใช้บ่อย ๆ โดยไม่ล้างออกจะทำให้หนังศีรษะเกิดการอุดตัน ส่งผลให้เกิดปัญหาผมขาดหลุดร่วง นอกจากนี้เส้นผมเป็นส่วนที่มักจะสัมผัสกับใบหน้าและแผ่นหลังของเราเป็นประจำ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันและปัญหาสิวตามมาได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงทรีทเมนท์ผมที่มีส่วนผสมเหล่านี้และเลือกส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
รีบเตรียมผมให้พร้อมสำหรับการบำรุงเลยนะคะ เพราะต่อไปเราจะมาแนะนำไอเทมเด็ด ๆ ที่ช่วยบำรุงผมเสียให้กลับมาสวยเด้ง ไปดูกันเลยค่ะ
สำหรับผมที่แห้งเสียมาก ต้องได้รับการบำรุงจากทรีทเมนท์ผมรุ่นนี้ที่มีส่วนผสมหลักจากน้ำมันโจโจ้บา ที่อุดมไปด้วยวิตามิน E และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงให้เส้นผมที่แห้งเสียมากกลับมาแข็งแรงและชุ่มชื้น แถมยังทำให้ผมมีน้ำหนักไม่พันกัน หวีผมได้ง่ายมากยิ่งขึ้นซึ่งจะช่วยลดผมขาดหลุดร่วงอีกด้วย นอกจากนี้ยังซึมลึกถึงเส้นผมได้ไว ปกป้องเส้นผมจากความร้อนของอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมและแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ หลายเสียงที่ใช้จริงต่างกล่าวว่าสุขภาพเส้นผมที่แห้งเสียกลับมามีสุขภาพดีขึ้นได้จริง ๆ
ใครที่มีปัญหาผมแห้งชี้ฟู ผมพันกัน หรือผมแห้งแตกปลาย ต้องรีบหาตัวช่วยอย่างทรีทเมนท์ผมรุ่นนี้มาใช้เลยนะคะ เพราะสามารถเคลือบเกล็ดผมที่แห้งแตก ให้ผมนุ่มสลวยเงางาม มีส่วนผสมของน้ำมันโจโจ้บาและวิตามิน E ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงปกป้องเส้นผมจากมลภาวะและแสงแดดได้ดี นอกจากนี้ยังมีน้ำมันแมคคาเดเมีย ที่บำรุงผมให้ลื่น คืนทรงสวย สร้างความยืดหยุ่น และกระตุ้นความเจริญเติบโตของเส้นผมได้อีกด้วยค่ะ แนะนำให้ใช้ทรีทเมนท์ตัวนี้กับบริเวณปลายผม จะช่วยป้องกันปัญหาผมแตกปลายได้อย่างเห็นผล
สำหรับผมที่ผ่านเคมีการดัด อาจทำให้ผมแห้งและลอนดูชี้ฟูไม่เด้ง ต้องบำรุงด้วยสารอาหารเข้มข้นแบบทรีทเมนท์ผมรุ่นนี้ค่ะ เพราะมีส่วนผสมที่สามารถบำรุงได้ลึกถึงแกนผมชั้นในให้แข็งแรงตั้งแต่โคนจรดปลายผม มาพร้อมกับวิตามิน B5 ที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดด ตัวการที่ทำให้ผมแห้งเสีย นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างน้ำมันงาและโปรตีนจากอัลมอนด์ ช่วยให้ผมนุ่มลื่นไม่พันกัน, ผมเงางาม, ลอนเด้งสวย และจัดทรงง่ายอีกด้วยค่ะ
ทรีทเมนท์จาก Lesasha สูตรนี้ เหมาะสำหรับผมที่ผ่านการดัด, ยืด และทำสีโดยเฉพาะ เน้นการบำรุงเป็นพิเศษด้วยสารสกัดจากสาหร่ายทะเล ช่วยฟื้นฟูผมเสียจากการทำเคมีให้แข็งแรง, นุ่มสลวย และมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของน้ำมันธรรมชาติถึง 7 ชนิด เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันอะโวคาโด ที่อุดมไปด้วยวิตามิน A และ E ช่วยลดปัญหาผมแห้งแตกปลาย และปกป้องผมจากมลภาวะและแสงแดดอีกด้วยค่ะ
ปัญหาผมแห้งเสียและแตกปลาย ต้องรีบแก้ไขด้วยทรีทเมนท์ผมรุ่นนี้เลยค่ะ ด้วยเนื้อครีมที่มีส่วนผสมหลักของสาหร่ายทะเล ซึมซับไว บำรุงเส้นผมได้อย่างล้ำลึกและฟื้นฟูผมแห้งเสียให้กลับมานุ่มลื่นได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยให้ผมจัดทรงง่ายและปกป้องเส้นผมจากแสงแดด มาพร้อมกับส่วนผสมของสมุนไพรนานาชนิด ที่บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง, เงางามดูสุขภาพดี และลดปัญหาผมขาดหลุดร่วงได้เป็นอย่างดีค่ะ
ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและเส้นผมอ่อนแอ ห้ามพลาดกับเซรั่มผมออร์แกนิค ที่ปราศจากน้ำหอมและสารปรุงแต่ง บำรุงผมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 100% อย่างว่านหางจระเข้ ที่เป็นกรดไฮยาลูรอนิคธรรมชาติ ช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นให้ผมนุ่มสวยและเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีโปรตีนจากพืช ที่บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ป้องกันการขาดหลุดร่วง และช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสียชี้ฟูให้ชุ่มชื้นและมีน้ำหนัก ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคนที่ก่อให้เกิดการอุดตันอีกด้วยค่ะ
เมื่อผมโดนความร้อนจากอุปกรณ์ทำผมบ่อย ๆ ทำให้เกิดการแห้งเสียและชี้ฟู นำมาซึ่งปัญหาผมขาดหลุดร่วง ต้องแก้ไขด้วยออยล์บำรุงรุ่นนี้เลยค่ะ ที่มีสารสกัดจากน้ำมันธรรมชาตินานาชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันอัลมอนด์ ที่เป็นสารอาหารเข้มข้น ฟื้นฟูผมแห้งเสียให้นุ่มสลวยและเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถใช้เพื่อป้องกันความร้อนจากอุปกรณ์ทำผมได้ เคลือบบำรุงเส้นผมให้ชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน และช่วยลดการขาดเปราะของเส้นผม
หลาย ๆ คนคงเคยเห็นรีวิวเซรั่มบำรุงผมรุ่นนี้กันมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ เพราะตอนนี้กำลังฮิตสุด ๆ เลย เนื่องจากผู้ใช้หลายคนคอนเฟิร์มแล้วว่าถึงแม้เส้นผมจะผ่านเคมีมาแค่ไหน ก็ช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสียให้ชุ่มชื้น, นุ่มลื่น และดูสุขภาพดีได้อีกครั้ง ด้วยสารสกัดจากน้ำมันธรรมชาติ 7 ชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะกอก และน้ำมันอาร์แกนที่ล้วนเป็นสารอาหารบำรุงผมชั้นดี ช่วยปกป้องผมจากมลภาวะและแสงแดด ผู้ใช้จริงหลายคนให้ความเห็นว่ากลิ่นหอมและช่วยฟื้นฟูสุขภาพผมให้ดีขึ้นได้จริง แต่เนื้อจะเหนียวนิดหน่อย แนะนำว่าให้ใช้ปริมาณน้อยในคนที่ผมไม่มีวอลลุ่ม หรือคนที่ศีรษะมันง่าย
ผมแห้งเสีย, แตกปลาย และชี้ฟู สามารถแก้ไขได้ด้วยทรีทเมนท์ผมรุ่นนี้เลยค่ะ ด้วยคุณค่าจากสารสกัดจากสาหร่ายสีแดงและสีน้ำตาล ที่อุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารหลักในการสร้างเคราติน ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเส้นผม ให้ผมแข็งแรงสุขภาพดี และเป็นเกราะป้องกันเส้นผมจากมลภาวะและความร้อน นอกจากนี้ยังช่วยปรับสภาพผมที่แห้งเสียและชี้ฟูให้นุ่มลื่น, มีน้ำหนัก และไม่พันกัน จึงสามารถป้องกันผมขาดหลุดร่วงจากการหวีผมที่พันกันได้
ผมที่ผ่านการทำสี เป็นผมที่แสงแดดและความร้อนเข้าทำร้ายได้มากที่สุด จึงต้องปกป้องด้วยออยล์ทรีทเมนท์รุ่นนี้เลยค่ะ เพราะด้วยคุณสมบัติของสารป้องกันแสงแดด (UV filter) ที่ช่วยปกป้องผมจากความร้อนของแสงแดดและอุปกรณ์ทำผม มาพร้อมกับน้ำมันจากดอกไม้ 6 ชนิด เช่น ดอกบัว, ดอกคาโมมายล์ และดอกกุหลาบ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญในการบำรุงเส้มผมที่แห้งเสียให้ชุ่มชื้น, มีน้ำหนัก และเปล่งประกาย แถมยังช่วยบำรุงให้สีผมติดทนนานยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ
ต่อไปเราจะมาพูดถึงเคล็ดลับและวิธีการที่ทำให้ทรีทเมนท์บำรุงเส้นผมของเราได้อย่างล้ำลึกมากยิ่งขึ้นค่ะ
โดยปกติแล้ว เราจะลงทรีทเมนท์ผมก่อนใช้ไดร์เป่าผม เพื่อที่จะปกป้องเส้นผมจากความร้อน แต่ไม่ควรลงตอนที่ผมเปียก เพราะจะทำให้เนื้อทรีทเมนท์ไม่เกาะผม และหลุดออกไปกับผ้าขนหนูตอนเช็ดได้ ดังนั้นจึงควรเช็ดผมให้หมาดสักเล็กน้อยก่อนลง จะทำให้ทรีทเมนท์เคลือบกับเส้นผมได้ดี และประหยัดปริมาณได้มากกว่าค่ะ
หลาย ๆ คนอาจคิดว่าทรีทเมนท์บำรุงผมควรบำรุงให้ทั่วศีรษะ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่อันที่จริงแล้ว การใช้ทรีทเมนท์ลูบไล้เพียงแค่ปลายผม ก็เพียงพอให้สารอาหารเข้าไปบำรุงเส้นผมแล้วค่ะ เพราะการชโลมทรีทเมนท์ทั่วหนังศีรษะ อาจทำให้เกิดการอุดตันหนังศีรษะ และทำให้เส้นผมมันง่ายอีกด้วย โดยเฉพาะทรีทเมนท์ที่เป็นน้ำมัน นอกเสียจากว่าทรีทเมนท์ที่ใช้ จะระบุไว้ว่าสามารถใช้บำรุงหนังศีรษะได้ค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เมื่อสำรวจสภาพผมของตัวเองแล้ว หลาย ๆ คนคงรู้แล้วว่าทรีทเมนท์ผมแบบไหนที่เหมาะสมกับสภาพผมของตัวเองใช่ไหมคะ นอกจากทรีทเมนท์ผมแล้ว อย่าลืมบำรุงผมด้วยแชมพูและครีมนวดผมที่มีส่วนผสมของเคราติน และมีสารบำรุงที่เหมาะกับสภาพผมของเราด้วยนะคะ
นอกจากนี้พฤติกรรมการสระผมก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญในรักษาสุขภาพเส้นผม อย่างการสระผมด้วยน้ำอุณหภูมิที่พอเหมาะ ไม่ร้อนและไม่เย็นจนเกินไปก็จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ และยังป้องกันรังแคได้อีกด้วย และที่สำคัญหลายคนมักเข้าใจผิดว่าการสระผมบ่อยทำให้ผมสะอาด แต่อันที่จริง จะเป็นการทำลายน้ำมันธรรมชาติที่เส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมแห้งมากกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ
